WSL ย่อมาจาก Windows Subsystem for Linux เป็นฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ Windows ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรันระบบปฏิบัติการ Linux บนเครื่อง Windows ได้โดยไม่ต้องใช้การจำลองเครื่องเสมือน (Virtual Machine) หรือการติดตั้งแบบ dual boot
แล้วเราจะติดตั้ง WSL ได้ยังไงกันนะ ?
PowerShell หรือ Command Prompt ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ (Administrator)
wsl --install
<aside> 💡 คำสั่งนี้จะติดตั้ง WSL, Virtual Machine Platform, และดาวน์โหลด Linux ที่เป็นค่าเริ่มต้น (เช่น Ubuntu)
</aside>
น้อง ๆ สามารถเปิด WSL โดยการพิมพ์ชื่อของดิสโทรที่ติดตั้งในเมนูเริ่มต้น หรือใช้คำสั่งใน PowerShell หรือ Command Prompt ****
wsl
<aside>
💡 น้อง ๆ สามารถใช้คำสั่ง Linux ทั่วไปได้ เช่น ls หรือcd เป็นต้น
ls **** คำสั่งแสดงรายการไฟล์และไดเรกทอรีคำสั่ง ls ใช้สำหรับดูรายการไฟล์และไดเรกทอรีในตำแหน่งปัจจุบันของระบบไฟล์
ตัวอย่างการใช้:
ls ⇒ แสดงรายการไฟล์และไดเรกทอรีในไดเรกทอรีปัจจุบันls -l ⇒ แสดงรายละเอียดของไฟล์และไดเรกทอรี (เช่น ขนาดไฟล์, สิทธิ์การเข้าถึง, วันที่สร้าง)ls -a ⇒ แสดงไฟล์ทั้งหมดรวมถึงไฟล์ที่ซ่อนอยู่ (ไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วยจุด .)ls -lh ⇒ แสดงรายละเอียดในรูปแบบที่อ่านง่าย (เช่น ขนาดไฟล์ใน KB/MB)cd คำสั่งเปลี่ยนไดเรกทอรี
คำสั่ง cd (Change Directory) ใช้สำหรับเปลี่ยนไดเรกทอรีที่น้อง ๆ ทำงานอยู่ตัวอย่างการใช้:
cd /path/to/directory ⇒ เปลี่ยนไปยังไดเรกทอรีที่ระบุcd .. ⇒ ขึ้นไปยังไดเรกทอรีระดับหนึ่ง (ไดเรกทอรีแม่)cd ~ ⇒เปลี่ยนไปยังไดเรกทอรีบ้านของผู้ใช้ (home directory)cd - ⇒ เปลี่ยนไปยังไดเรกทอรีก่อนหน้าที่น้องอยู่Directory เป็นชื่อเรียก Folder ในระบบปฏิบัติการของ Linux
</aside>
Ruby เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่เน้นความเรียบง่ายและมีลักษณะเด่นในการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูง ภาษา Ruby มีความยืดหยุ่นในการเขียนโค้ดและสนับสนุนแนวทางการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุและเชิงฟังก์ชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ Ruby ร่วมกับเฟรมเวิร์ก Ruby on Rails ทำให้การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเราจะใช้ภาษา Ruby ในการทำโปรเจกต์ในวิชานี้
หากน้อง ๆ ใช้ macOS สามารถใช้ Terminal ของตัวเองได้เลยโดยไม่ต้องลง WSL ส่วนน้อง ๆ ที่ใช้ Window ให้ใช้ WSL ที่ลงใน Window ได้เลย