WSL

WSL ย่อมาจาก Windows Subsystem for Linux เป็นฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ Windows ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรันระบบปฏิบัติการ Linux บนเครื่อง Windows ได้โดยไม่ต้องใช้การจำลองเครื่องเสมือน (Virtual Machine) หรือการติดตั้งแบบ dual boot

ฟีเจอร์เด่น ๆ ของ WSL

  1. ใช้คำสั่ง Linux น้อง ๆ สามารถใช้บรรทัดคำสั่งของ Linux และสคริปต์ที่เขียนในภาษาที่ Linux รองรับได้โดยตรงบน Windows
  2. การพัฒนาแอปพลิเคชัน น้อง ๆ สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องการสภาพแวดล้อมของ Linux เช่น เครื่องมือและไลบรารีต่าง ๆ ที่มีให้ใน Linux สามารถทำได้สะดวกขึ้น
  3. การเข้าถึงไฟล์ น้อง ๆ สามารถเข้าถึงไฟล์ใน Windows และใน Linux จากภายใน WSL ได้อย่างสะดวก

แล้วเราจะติดตั้ง WSL ได้ยังไงกันนะ ?

วิธีติดตั้ง WSL บน Windows (บน Mac ไม่ต้องใช้ WSL ก็ได้)

  1. เปิด PowerShell หรือ Command Prompt ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ (Administrator)
  2. ใช้คำสั่งนี้เพื่อติดตั้ง WSL และโปรแกรมจำลองเครื่อง (Virtual Machine Platform) โดยอัตโนมัติ
wsl --install

<aside> 💡 คำสั่งนี้จะติดตั้ง WSL, Virtual Machine Platform, และดาวน์โหลด Linux ที่เป็นค่าเริ่มต้น (เช่น Ubuntu)

</aside>

  1. หากขึ้นข้อความให้ Restart ก็ให้ Restart Laptop หรือ PC

วิธีการใช้งาน WSL

น้อง ๆ สามารถเปิด WSL โดยการพิมพ์ชื่อของดิสโทรที่ติดตั้งในเมนูเริ่มต้น หรือใช้คำสั่งใน PowerShell หรือ Command Prompt ****

wsl

<aside> 💡 น้อง ๆ สามารถใช้คำสั่ง Linux ทั่วไปได้ เช่น ls หรือcd เป็นต้น

  1. ls **** คำสั่งแสดงรายการไฟล์และไดเรกทอรี

คำสั่ง ls ใช้สำหรับดูรายการไฟล์และไดเรกทอรีในตำแหน่งปัจจุบันของระบบไฟล์

ตัวอย่างการใช้:

  1. cd คำสั่งเปลี่ยนไดเรกทอรี คำสั่ง cd (Change Directory) ใช้สำหรับเปลี่ยนไดเรกทอรีที่น้อง ๆ ทำงานอยู่

ตัวอย่างการใช้:

Directory เป็นชื่อเรียก Folder ในระบบปฏิบัติการของ Linux

</aside>

Ruby

Ruby เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่เน้นความเรียบง่ายและมีลักษณะเด่นในการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูง ภาษา Ruby มีความยืดหยุ่นในการเขียนโค้ดและสนับสนุนแนวทางการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุและเชิงฟังก์ชัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ Ruby ร่วมกับเฟรมเวิร์ก Ruby on Rails ทำให้การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเราจะใช้ภาษา Ruby ในการทำโปรเจกต์ในวิชานี้

วิธีการติตั้ง Ruby ด้วย rbenv

หากน้อง ๆ ใช้ macOS สามารถใช้ Terminal ของตัวเองได้เลยโดยไม่ต้องลง WSL ส่วนน้อง ๆ ที่ใช้ Window ให้ใช้ WSL ที่ลงใน Window ได้เลย